อันดับที่ 8 คือ จิตแพทย์
จิตแพทย์ มีหน้าที่ ตรวจและวินิจฉัยอาการทางจิตและรักษาอาการผิดปกติของ ผู้ป่วย
ตรวจค้นโรคและความผิดปกติต่าง ๆ ของผู้ป่วยเพื่อให้ทราบ ถึงสาเหตุ
อาการผลของโรคและความผิดปกติ โดยใช้เครื่องมือทดสอบร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม
การสัมภาษณ์ วิเคราะห์และ แปลผลทดสอบ อีกทั้งทำงานร่วมกับแพทย์เฉพาะทางอื่นๆ
เพื่อกำหนดวิธี การรักษาและสั่งยา แนะนำผู้ป่วยและญาติในการปฏิบัติงาน
เพื่อช่วยการรักษา และบันทึกประวัติการรักษาผู้ป่วย
ลักษณะของงาน
1. ตรวจร่างกาย วินิจฉัย สั่งยา รักษาอาการผิดปกติของผู้ป่วย หรือโดยการใช้เครื่องมือทดสอบที่เป็นมาตรฐาน ร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์วิเคราะห์และแปรผลการทดสอบ
2. สั่งตรวจทางเอกซเรย์หรือการทดสอบพิเศษ ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
3. พิจารณาผลการตรวจและผลการทดสอบ วินิจฉัยความผิดปกติปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์อื่น ตามความจำเป็น
4. บำบัดรักษาอาการความผิดปกติทางจิต โดยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือการรักษาอย่างอื่น เช่น การรับประทานยา และแนะนำผู้ป่วยและญาติในเรื่องการปฏิบัติตนที่จำเป็นการบำบัดสำหรับรักษา
5. เก็บรักษาบันทึกเกี่ยวกับผู้ป่วย และการรักษาพร้อมติดตามผล
6. อาจประสานงานกับแพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถาบันอื่น ๆ
ลักษณะของงาน
1. ตรวจร่างกาย วินิจฉัย สั่งยา รักษาอาการผิดปกติของผู้ป่วย หรือโดยการใช้เครื่องมือทดสอบที่เป็นมาตรฐาน ร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์วิเคราะห์และแปรผลการทดสอบ
2. สั่งตรวจทางเอกซเรย์หรือการทดสอบพิเศษ ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
3. พิจารณาผลการตรวจและผลการทดสอบ วินิจฉัยความผิดปกติปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์อื่น ตามความจำเป็น
4. บำบัดรักษาอาการความผิดปกติทางจิต โดยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือการรักษาอย่างอื่น เช่น การรับประทานยา และแนะนำผู้ป่วยและญาติในเรื่องการปฏิบัติตนที่จำเป็นการบำบัดสำหรับรักษา
5. เก็บรักษาบันทึกเกี่ยวกับผู้ป่วย และการรักษาพร้อมติดตามผล
6. อาจประสานงานกับแพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถาบันอื่น ๆ
สภาพการทำงาน
ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล
หรือสถานพยาบาลตามเวลาปฏิบัติงาน ตรวจรักษาทั้งคนไข้ในและคนไข้นอก
และอาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลาเพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงทีโดยจะต้องมีความพร้อมเสมอ
อาชีพจิตแพทย์ส่วนใหญ่จะปฏิบัติงานประจำในโรงพยาบาล หรือในสถานบำบัดรักษาผู้ป่วยทางจิตสำหรับในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ
หากมีผู้ป่วยทางจิตที่มีอาการรุนแรง มักถูกส่งมารับการรักษาในสถานบำบัดผู้ป่วย
ทางจิต หรือในโรงพยาบาลดังกล่าวรวมทั้งการติดตั้งโทรศัพท์สายด่วน
สุขภาพจิตตลอดจนจัดตั้งเว็บไซต์เพื่อบริการ ให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตให้คำปรึกษาแนะนำ
และให้แนวทางแก้ปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกต้อง
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาทางวิชาจิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
2. มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรคร้ายแรง
3. มีความเข้าใจ อดทน อดกลั้น ที่จะยอมรับฟังปัญหาหรืออาการของผู้ป่วยที่อาจผิดปกติทางด้านจิตใจในลักษณะสาเหตุและอาการที่แตกต่างกัน
4. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตนมีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ ไม่ใช้ความรู้ทางจิตวิทยาไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาทางวิชาจิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
2. มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรคร้ายแรง
3. มีความเข้าใจ อดทน อดกลั้น ที่จะยอมรับฟังปัญหาหรืออาการของผู้ป่วยที่อาจผิดปกติทางด้านจิตใจในลักษณะสาเหตุและอาการที่แตกต่างกัน
4. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตนมีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ ไม่ใช้ความรู้ทางจิตวิทยาไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น
ความก้าวหน้าในการทำงาน
ผู้ประกอบอาชีพนี้ ที่มีความชำนาญ
และประสบการณ์ จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับ ผู้บริหาร
หากมีความสามารถในการบริหาร
หรืออาจประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยเปิดคลีนิกรับให้คำปรึกษาต่อผู้ที่มีปัญหาทางจิตทั่วไป
นอกเวลาทำงานเป็นรายได้พิเศษ สำหรับผู้ที่มีความชำนาญและมีทีมงานที่มีความสามารถ
รวมทั้งมีเงินทุนจำนวนมากก็สามารถเปิดโรงพยาบาล หรือสถานพักฟื้นในการบำบัดรักษา
ผู้ป่วยทางจิตได้ ในประเทศไทยผู้ที่ป่วยทางจิตมักไม่ค่อยนิยมที่จะพบจิตแพทย์โดยตรง
แต่อาจจะจัดจ้าง จิตแพทย์ทำงานในลักษณะที่ปรึกษา จิตแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางอาจได้รับการว่าจ้างให้ไปทำงานในโรงพยาบาล
หรือสถานพยาบาลหลายแห่ง ทำให้ได้รับรายได้มากขึ้น
หรืออาจจะเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนทางจิตวิทยาหรือทางจิตแพทย์
- จิตแพทย์ต้องจบคณะแพทยศาสตร์ จากนั้นจึงไปต่อเฉพาะทางด้านจิตเวช
- จิตแพทย์ต้องจบคณะแพทยศาสตร์ จากนั้นจึงไปต่อเฉพาะทางด้านจิตเวช
อัตราเงินเดือน
อัตราเงินเดือนของจิตแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐ
เริ่มต้นที่ 50,000 บาทขึ้นไป เงินเดือนในโรงพยาบาลเอกชน เริ่มต้นที่ 120,000 -
300,000 บาท นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้ว
รวมทั้งผลต้องอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม
เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่าง ๆ เช่น เงินฌาปนกิจ เงินโบนัส เป็นต้น
เงินเดือนเฉลี่ย
80,000.00
สายการเรียนที่เข้าได้
วิทย์-คณิต
คะแนนที่เกี่ยวข้องในการสอบเข้า
สอบ
กสพท และ 7 วิชาสามัญ
คณะ/สาขา มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
เช่น คณะแพทยศาสตร์
สาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่นขั้นสูง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อันดับที่ 9 คือ นักคำนวณประกันภัย
นักคณิตศาสตร์ประกันภัย
นักคณิตศาสตร์ประกันภัย (Actuary) คือนักธุรกิจมืออาชีพซึ่งใช้ความเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์เพื่อประเมิน
วิเคราะห์ และคาดการณ์
ผลกระทบทางด้านการเงินของความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆในธุรกิจ
นักคณิตศาสตร์ประกันภัย) สามารถที่จะวิเคราะห์เหตุการณ์ในอดีต
ประเมินความเสี่ยงในปัจจุบัน และสร้างโมเดล (Models) คาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
นักคณิตศาสตร์ประกันภัย
อาจจะพยากรณ์ในระยะยาวเพื่อที่จะประเมินสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด
และโอกาสของสิ่งที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดของเหตุการณ์ในอนาคต
บางครั้งพวกเขาถูกเรียกว่า "นักวิศวกรการเงิน" หรือ
"นักคณิตศาสตร์เพื่อสังคม" เพราะความสามารถทางธุรกิจและความสามารถทางการวิเคราะห์
อันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาช่วยให้สามารถแก้ปัญหาทางธุรกิจและสังคมที่นับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ความก้าวหน้าในการทำงาน
ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์
เนื่องจากงานที่ทำต้องเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์
รวมทั้งยังต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้น
รักความก้าวหน้า มีเหตุผล มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีทักษะการสื่อสารดี
และมีความสามารถในการตัดสินใจ
อัตราเงินเดือน
รายได้เฉลี่ยของวิชาชีพนักคณิตศาสตร์ประกันภัย
อยู่ที่ 40,000 -
300,000 บาท/เดือน
เงินเดือนเฉลี่ย
80,000.00
คะแนนที่เกี่ยวข้องในการสอบเข้า
สอบ
กสพท และ 7 วิชาสามัญ
คณะ/สาขา มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
เช่น คณะครุศาสตร์
สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
คณะวิทยาศาสตร์
สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะวิทยาศาสตร์
สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สาขาคณิตศาสตร์สารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
อันดับที่
10 คือ จักษุแพทย์
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ ได้แก่ ตรวจสายตาและให้การรักษาด้วยวิธีการ ให้ยา
ผ่าตัด หรือสั่งประกอบแว่นตาแก่ผู้ป่วย ตรวจตาและวัดสายตาเพื่อหาข้อบกพร่องและ
ความผิดปกติของตาและสายตาด้วยเครื่องมือหรือ วิธีการทดสอบต่าง ๆ เช่น วัดความดันตา
ดูกระจกตา ความลึกของช่องหน้าลูกตาลักษณะ ม่านตาบำรุงรักษาท่อแสงสว่างและดูจอ
ประสาทตา ทำการรักษาโดยการหยอดตา สั่งยาหรือศัลยกรรม ให้คำแนะนำในการดูแลรักษา
และฝึกสายตา วัดสายตา และสั่งขนาดของเลนส์ เพื่อประกอบแว่นตา
ติดตามผลการบันทึกการสั่งยาและรักษาเป็นระยะ ๆ อาจมีความชำนาญในการรักษา
โรคตาแต่ละชนิด
ลักษณะของงานที่ทำ
1. ตรวจวินิจฉัย แก้ไขรักษาให้ยา ผ่าตัด และอื่น ๆ ตามความผิดปกติและอาการของโรคที่เกี่ยวกับตา ประสาทตา เป็นต้น
2. อธิบายให้ผู้ป่วย หรือคนใกล้ชิดได้เข้าใจถึงลักษณะของโรคตาการกำเนิดโรคแนวทางเลือกในการรักษา
3. สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัดต้องอธิบายการดำเนินการรักษาข้อดีข้อเสียจากการผ่าตัดและผลหลัง การผ่าตัด วิธีการปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด ภาวะแทรกซ้อน
4. ติดตามผลแทรกซ้อนจากการให้ยา เช่น กลุ่มสเตียรอยด์กลุ่มยาที่มีผลต่อไตบางตัว
5. บันทึกเกี่ยวกับผู้ป่วยโรค การตรวจรักษา และการติดตามผล
6. ตรวจตาวัดสายตาวัดความดันตาตรวจดูกระจกตาความลึกของช่องหน้าลูกตาลักษณะม่านตาปฏิกิริยา ต่อแสงสว่าง ตรวจดูจอประสาทตา ให้ทราบข้อบกพร่องโดยใช้เครื่องมือ และวิธีการทดสอบต่าง ๆ
7. สั่งขนาดของเลนส์สำหรับประกอบแว่นตา
8. ให้คำแนะนำในการฝึกสายตาตามความจำเป็น และความถูกต้องเพื่อรักษาสายตาให้ดีขึ้น
สภาพการทำงาน ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลโดยตรวจคนไข้ในที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกวันและต้องตรวจ คนไข้นอกที่เข้ามารับการรักษา ผู้ที่เป็นแพทย์อาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลา เพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงทีผู้ที่เป็นแพทย์ต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ในสถานที่ทำงานจะต้องพบเห็น คนเจ็บ คนป่วยและคนตายจึง ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะหากมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่ได้พบเห็นจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้
ลักษณะของงานที่ทำ
1. ตรวจวินิจฉัย แก้ไขรักษาให้ยา ผ่าตัด และอื่น ๆ ตามความผิดปกติและอาการของโรคที่เกี่ยวกับตา ประสาทตา เป็นต้น
2. อธิบายให้ผู้ป่วย หรือคนใกล้ชิดได้เข้าใจถึงลักษณะของโรคตาการกำเนิดโรคแนวทางเลือกในการรักษา
3. สำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับการผ่าตัดต้องอธิบายการดำเนินการรักษาข้อดีข้อเสียจากการผ่าตัดและผลหลัง การผ่าตัด วิธีการปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด ภาวะแทรกซ้อน
4. ติดตามผลแทรกซ้อนจากการให้ยา เช่น กลุ่มสเตียรอยด์กลุ่มยาที่มีผลต่อไตบางตัว
5. บันทึกเกี่ยวกับผู้ป่วยโรค การตรวจรักษา และการติดตามผล
6. ตรวจตาวัดสายตาวัดความดันตาตรวจดูกระจกตาความลึกของช่องหน้าลูกตาลักษณะม่านตาปฏิกิริยา ต่อแสงสว่าง ตรวจดูจอประสาทตา ให้ทราบข้อบกพร่องโดยใช้เครื่องมือ และวิธีการทดสอบต่าง ๆ
7. สั่งขนาดของเลนส์สำหรับประกอบแว่นตา
8. ให้คำแนะนำในการฝึกสายตาตามความจำเป็น และความถูกต้องเพื่อรักษาสายตาให้ดีขึ้น
สภาพการทำงาน ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลโดยตรวจคนไข้ในที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกวันและต้องตรวจ คนไข้นอกที่เข้ามารับการรักษา ผู้ที่เป็นแพทย์อาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลา เพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงทีผู้ที่เป็นแพทย์ต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ในสถานที่ทำงานจะต้องพบเห็น คนเจ็บ คนป่วยและคนตายจึง ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง เพราะหากมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่ได้พบเห็นจะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้
ความก้าวหน้าในการทำงาน
จักษุแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับผู้บริหาร
หากมีความสามารถในการบริหาร
หรืออาจประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยเปิดคลินิกรับรักษาคนไข้ทั่วไป
หรือทำงานพิเศษนอกจากงานประจำ ทำให้ได้รับรายได้พิเศษ
สำหรับผู้ที่มีความชำนาญและมีทีมงานที่มีความสามารถ
รวมทั้งมีเงินทุนจำนวนมากก็สามารถเปิดโรงพยาบาลได้ จักษุแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
อาจได้รับการว่าจ้างให้ไปทำงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลหลายแห่ง
ทำให้ได้รับรายได้มากขึ้น อัตราเงินเดือน อัตราเงินเดือนในโรงพยาบาลรัฐจะอยู่ที่ 50,000 บาท/เดือนขึ้นไป
ส่วนในในโรงพยาบาลเอกชน เงินเดือนจะอยู่ในช่วง 250,000 - 700,000 บาท/เดือน
เงินเดือนเฉลี่ย
75,000.00
สายการเรียนที่เข้าได้
วิทย์-คณิต
คะแนนที่เกี่ยวข้องในการสอบเข้า
สอบ
กสพท. และ 7 วิชาสามัญ
คณะ/สาขา มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
คณะแพทยศาสตร์ สาขาจักษุวิทยา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะแพทยศาสตร์
สาขาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์
สาขาจักษุวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น